การ์โล อูร์บานี
การ์โล อูร์บานี (อิตาลี: Carlo Urbani; เสียงอ่านภาษาอิตาลี: [karlo urˈbaːni]; 19 ตุลาคม พ.ศ. 2499 (ณ กัสเตลปลานีโอ อิตาลี) – 29 มีนาคม พ.ศ. 2546 (ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย)) คือแพทย์และนักจุลชีววิทยาชาวอิตาลี ผู้ระบุกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (โรคซาร์ส) ว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสได้เป็นคนแรก[1][2] คำเตือนในช่วงแรกของการระบาดที่เขาส่งไปยังองค์การอนามัยโลก ส่งผลให้ทั่วโลกตื่นตัวและรับมือได้ทันท่วงที และได้รับยกย่องว่าสามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้นับไม่ถ้วน แม้ภายหลังตัวเขาเองจะติดเชื้อไวรัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
บทบาททางการแพทย์
[แก้]อูร์บานีสำเร็จการศึกษาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต (ปริญญาตรี) จากมหาวิทยาลัยอังโกนาในปี พ.ศ. 2524 และได้รับประกาศณียบัตรแพทย์เฉพาะทางโรคติดต่อและโรคเขตร้อนจากมหาวิทยาลัยเมสซินา ซึ่งภายหลังสำเร็จการศึกษาแพทย์ศาสตร์มหาบัณฑิต (ปริญญาโท) ในด้านปรสิตวิทยาเขตร้อน อูร์บานีเข้าร่วมงานอาสาสมัครเกียวกับการรักษาโรคเฉพาะถิ่นแอฟริกากับองค์การนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) คาทอลิกของอิตาลีอย่างมานี เตเซ (Mani Tese) ซึ่งหลังจากทำงานในแวดวงโรคเฉพาะถิ่นแล้ว ในปี พ.ศ. 2536 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาภายนอกขององค์การอนามัยโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 เขาเข้าร่วมองค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières) และได้รับมอบหมายหน้าที่ในเวียดนามและกัมพูชาสำหรับการรักษาโรคปรสิตและเวชศาสตร์เฉพาะถิ่น อูร์บานีได้รับแต่งตั้งเป็นประธานหน่วยอิตาลีภายในองค์การไม่นานหลังจากนั้น และเป็นหนึ่งในคณะบุคคลผู้เข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี พ.ศ. 2542 ในนามขององค์การ[3] จากเงินรางวัลโนเบลที่ได้รับดังกล่าว เขาตัดสินใจตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการรณรงค์การเข้าถึงยารักษาจำเป็นของประชากรกลุ่มยากจนที่สุดของโลก
การแพร่ระบาดของโรคซาร์ส
[แก้]ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546[3] อูร์บานีถูกเรียกตัวไปยังโรงพยาบาลฝรั่งเศสฮานอย (L'Hôpital Français De Hanoï) เพื่อตรวจดูอาการของจอห์นนี เฉิน นักธุรกิจชาวอเมริกันที่ล้มป่วยกระทันหันขณะเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังสิงคโปร์[4] ซึ่งตอนแรกคณะแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นกรณีร้ายแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อูร์บานีตระหนักได้ว่าอาการป่วยของเฉินน่าจะเป็นโรคติดต่อร้ายแรงชนิดใหม่ เขาได้เตือนองค์การอนามัยโลกในทันที ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวรับมือโรคระบาดครั้งใหญ่ซึ่งมีประสิทธิผลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้เขายังได้โน้มน้าวกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามให้เริ่มดำเนินการคัดแยกผู้ป่วยและคัดกรองผู้เดินทาง เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดของโรคให้ช้าลง
ในวันที่ 11 มีนาคม เขาเดินทางออกจากฮานอยไปยังกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมและบรรยายประเด็นปรสิตในเด็ก เขารู้สึกตัวว่ามีไข้ขณะอยู่บนเครื่องบิน เพื่อนร่วมงานของเขาที่พบกันที่สนามบินจึงเรียกรถพยาบาลมารับ ทั้งคู่นั่งห่างจากกันเป็นระยะ 8 ฟุต ขณะรอรถพยาบาลซึ่งมาถึงในอีก 90 นาทีถัดมา เนื่องจากรถพยาบาลต้องแวะรับชุดและอุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อก่อน
เสียชีวิต
[แก้]อูร์บานี ติดโรคซาร์สมาจากคนไข้ที่เขารักษาในฮานอย ห้องผู้ป่วยแยกที่โรงพยาบาลในกรุงเทพของเขาถูกจัดขึ้นมาเป็นการเฉพาะและต้องสื่อสารกับบุคคลภายนอกผ่านโทรศัพท์ภายในเท่านั้น แม้แต่จูเลียนา คีออร์รีนี ผู้เป็นภรรยา ก็มีโอกาสได้เข้าพบขณะมีสติเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และได้บ่นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่รับผิดชอบต่อลูก ๆ วัย 4 - 17 ปี ทั้งสามคนของเขา จากการเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการรักษาคนไข้ดังกล่าว[5] แต่เขาตอบกลับว่า "ถ้าหากผมไม่ทำงานในส่วนนี้ แล้วผมจะมาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร? จะให้อ่านอีเมลล์ ไปงานสังสรรค์ค็อกเทล และทำงานจำเจไปวัน ๆ เช่นนั้นหรือ?"[6] ต่อมาอาการของเขาทรุดหนักจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขามีสติ เขาได้ขอบาทหลวงให้บาทหลวงประกอบพิธีศีลสุดท้าย (last rites) และเก็บเนื้อเยื่อปอดของเขาไว้เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ (อ้างอิงจากสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) อูร์บานีเสียชีวิตเมื่อเวลา 11 นาฬิกา 45 นาทีของวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2546 รวมระยะเวลาในการรักษาผู้ป่วยหนัก (intensive care) ทั้งสิ้น 18 วัน
อ้างอิง
[แก้]- Pierluigi Fiorini (2004). Carlo Urbani : inseguendo un sogno. Evergreen (ภาษาอิตาลี). Cinisello Balsamo: Edizioni San Paolo. p. 97. ISBN 9788821551338. OCLC 954723560 – โดยทาง sites.google.com, archive.is.
{{cite book}}
: แหล่งข้อมูลอื่นใน
(help)[7]|via=
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ Coates, Sam; Asthana, Anushka. "Dr Carlo Urbani Health expert who identified the Sars outbreak as an epidemic, and was killed by the virus". The Times. London. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-05. สืบค้นเมื่อ 2019-09-07.(ต้องสมัครสมาชิก)
- ↑ "Dr. Carlo Urbani of the World Health Organization dies of SARS". WHO. 29 March 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 June 2003. สืบค้นเมื่อ 23 January 2020.
- ↑ 3.0 3.1 McNEIL, DONALD G. Jr (April 8, 2003). "Disease's Pioneer Is Mourned as a Victim". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 24 February 2012.
- ↑ คาร์โล เออร์บานี : แพทย์ผู้ยอมตายไปพร้อมกับโรคร้ายเพื่อมนุษยชาติ, Tomorn Sookprecha, The Matter, September 6, 2019
- ↑ "8 - Carlo Urbani - Una vita per gli altri".
- ↑ Disease's Pioneer Is Mourned as a Victim, Donald G. McNeil Jr., The New York Times, April 8, 2003
- ↑ On behalf of the Italian association named "Testimoni del tempo". Bibliographic note in Paul Ricoeur (1997). La critica e la convinzione. Intervista con François Azouvi e Marc de Launay. Di fronte e attraverso - Filosofia (ภาษาฝรั่งเศส และ อิตาลี). แปลโดย Daniella Iannotta. Jaca Book. p. 54 (of 262). ISBN 9788816404373. OCLC 841199842. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-08-29. สืบค้นเมื่อ 2022-05-02 – โดยทาง archive.is.
{{cite book}}
: แหล่งข้อมูลอื่นใน
(help)CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)|via=
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Donald G. McNeil Jr.: Disease's Pioneer Is Mourned as a Victim, The New York Times, April 8, 2003
- Urbani International
- Associazione Italiana Carlo Urbani
- Lucia Bellaspiga: Carlo Urbani. Il primo medico contro la SARS, 2004
- https://web.archive.org/web/20130814105330/http://carlo-urbani-center.org/