สโมสรฟุตบอลเรกซัม
ฉายา | มังกรแดง | |||
---|---|---|---|---|
ก่อตั้ง | ตุลาคม ค.ศ. 1864[1] | |||
สนาม | เรซคอร์สกราวด์ | |||
ความจุ | 10,771 | |||
เจ้าของ | RR McReynolds Company LLC (ไรอัน เรย์โนลส์ และ ร็อบ แมคเอลเฮนนีย์) | |||
ผู้จัดการ | ฟิล พาร์กินสัน | |||
ลีก | อีเอฟแอลลีกวัน | |||
2023–24 | อีเอฟแอลลีกทู อันดับที่ 3 (เลื่อนชั้น) | |||
| ||||
สโมสรฟุตบอลเรกซัม (เวลส์: Clwb Pêl-droed Wrecsam, อังกฤษ: Wrexham Association Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของเวลส์ ตั้งอยู่ที่เมืองเรกซัม ประเทศเวลส์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1864[2] เป็นสโมสรฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในเวลส์และเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสามของโลก[3] ปัจจุบันพวกเขาลงเล่นในอีเอฟแอลลีกวัน
สโมสรเรกซัมเข้าร่วมในการแข่งขันนัดกระชับมิตรและบอลถ้วย และเข้าร่วมฟุตบอลลีกครั้งแรกด้วยการเข้าร่วมลีกเดอะคอมบิเนชัน ในปี 1890 สโมสรลงเล่น 13 ฤดูกาลในเดอะคอมบิเนชัน และอีก 2 ฤดูกาลในเวลช์ซีเนียร์ลีก โดยคว้าแชมป์คอมบิเนชัน 4 สมัยและแชมป์เวลช์ซีเนียร์ลีก 2 สมัย เข้าสู่ลีกเบอร์มิงแฮมแอนด์ดิสทริกต์ในปี 1905 ซึ่งจะยังคงอยู่จนกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของดิวิชัน 3 นอร์ท ของฟุตบอลลีกในปี 1921 โดยใช้เวลา 37 ปีในโซนภาคเหนือจนกระทั่งถูกจัดให้อยู่ในฟุตบอลลีกดิวิชัน 3 ที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นใหม่ในปี 1958 จากนั้นจึงตกชั้นใน 2 ปีต่อมา เรกซัมได้เลื่อนชั้นจากดิวิชัน 4 ในฤดูกาล 1961–62 แต่ตกชั้นอีกครั้งใน 2 ปีต่อมา ใน ค.ศ. 1992 เรกซัมคว่ำแชมป์ดิวิชัน 1 ในฤดูกาลที่แล้วคืออาร์เซนอลในเอฟเอคัพ พวกเขายังเก็บชัยชนะเหนือสโมสรฟุตบอลโปร์ตู 1–0 ใน ค.ศ. 1984 ในศึกยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ โดยเรกซัมมีสิทธิ์เข้าร่วมศึกยูโรเปียนคัพวินเนอส์คัพ เนื่องจากการคว้าแชมป์เวลส์คัพ; การแข่งขันในระดับยุโรปครั้งแรกของพวกเขาคือพบกับสโมสรฟุตบอลซือริชใน ค.ศ. 1972 และครั้งสุดท้ายคือการเล่นในโรมาเนียกับเปตรอลุลปลอเยชต์ใน ค.ศ. 1995 เรซคอร์สกราวด์สนามเหย้าของเรกซัม เป็นสนามฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงใช้จัดการแข่งขันระดับนานาชาติ[4] สถิติผู้ชมมากที่สุดเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1957 เมื่อสโมสรพบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต่อหน้าผู้ชม 34,445 คน[5]
การซื้อสโมสรในปี 2020 โดยไรอัน เรย์โนลส์ นักแสดงชื่อดังชาวแคนาดาและร็อบ แมคเอลเฮนนีย์ นักแสดงชาวอเมริกันและการประชาสัมพันธ์ผ่านซีรีส์สารคดี Welcome to Wrexham ทาง FX มีความสำคัญต่อการมองเห็นของสโมสรซึ่งนำไปสู่การได้รับฐานแฟนคลับใหม่ ๆ ทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับทีมที่อยู่ในดิวิชั่น 5 หรือเนชันนัลลีก[6]
ประวัติ
[แก้]1864–1905
[แก้]สโมสรนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1864 โดยสมาชิกของสโมสรคริกเกตเรกซัมที่ต้องการกิจกรรมกีฬาในช่วงฤดูหนาว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับห้าและเก่าแก่ที่สุดในเวลส์[7] เกมแรกอย่างเป็นทางการของพวกเขาเล่นในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1864 ที่สนามคริกเกตของเทศมณฑลเดอร์บีเชอร์ เจอกับ Prince of Wales Fire Brigade[1]
2020–ปัจจุบัน:เจ้าของใหม่, กลับสู่ฟุตบอลลีก
[แก้]ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ไรอัน เรย์โนลด์ส นักแสดงชาวแคนาดา และร็อบ แมคเอลเฮนนีย์ นักแสดงชาวอเมริกัน ซื้อสโมสรผ่าน RR McReynolds LLC ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสมาชิก 2,000 คนของ Wrexham Supporters Trust[8][9] และเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 พวกเขารวมอยู่ในฟีฟ่า 22 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ "Rest of the World" กลายเป็นสโมสรนอกลีกทีมแรกที่อยู่ในซีรีส์นี้[10] ในฤดูกาล 2021-2022 เรกซัมจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์ก่อนจะแพ้กริมสบีทาวน์ 4-5 ในรอบเพลย์ออฟรองชนะเลิศหลังต่อเวลาพิเศษ[11] เรกซัมยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอโทรฟีปี 2022 แต่พวกเขาแพ้บรอมลีย์ 0-1[12]
หลังจากการซื้อกิจการ ซีรีส์สารคดีชื่อ Welcome to Wrexham ได้รับการประกาศว่าดำเนินการผลิตโดย FX ร่วมกับ Boardwalk Pictures ซีรีส์เปิดตัวในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2022 บน FX และ Hulu ในสหรัฐ ตามด้วยการเปิดตัวทางดิสนีย์+ ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ในวันถัดมา[13][14][15] การซื้อกิจการโดยเรย์โนลด์ส และแมคเอลเฮนนีย์ และการประชาสัมพันธ์ผ่านสารคดี Welcome to Wrexham มีผลกระทบอย่างมากต่อสโมสร ซึ่งนำไปสู่การได้ฐานแฟนบอลใหม่ทั่วโลกซึ่งไม่เคยมีมาก่อนสำหรับทีมในดิวิชัน 5[16][17][18] ชื่อเสียงของสโมสรเริ่มดึงดูดการรายงานข่าวโดยเฉพาะจากสื่อกีฬาระดับโลก ซึ่งปกติแล้วจะไม่รายงานข่าวให้กับทีมนอกพรีเมียร์ลีก[19] สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับสโมสรและลีกอื่น ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก โดย เดอะการ์เดียน ตั้งข้อสังเกตว่า "ทุกสโมสรต้องการ 'ทำตามเรกซัม' แต่ไม่ใช่ทุกสโมสรจะทำได้"[20]
สโมสรผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ในเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2022–23 โดยเป็นสโมสรในเนชันนัลลีกเพียงสโมสรเดียวที่ทำได้ โดยเอาชนะคอเวนทรีซิตี ในรอบที่ 3 แต่ในที่สุดพวกเขาก็ตกรอบด้วยน้ำมือของเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด การแข่งขันกับเชฟฟิลด์ยูไนเต็ดคือการแข่งขันฟุตบอลที่มีผู้ติดตามมากที่สุดของอีเอสพีเอ็น ในทุกแพลตฟอร์มดิจิทัล[21] เรกซัมแข่งขันกับนอตส์เคาน์ตีตลอดทั้งฤดูกาลเพื่อชิงตำแหน่งจ่าฝูงของลีก และทั้งคู่สร้างสถิติใหม่สำหรับชัยชนะ ประตู และผลต่างประตูในเนชันนัลลีก ขณะที่นำหน้าอันดับ 3 อยู่ 20+ คะแนนเมื่อจบฤดูกาล[22] ในวันเสาร์ที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2023 เรกซัมคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 45 ปี และเลื่อนชั้นสู่อีเอฟแอลลีกทู หลังจากห่างหายไป 15 ปี หลังจากเปิดบ้านเอาชนะบอร์แฮม วูด 3-1[23] ในฤดูกาลนั้น สโมสรทำคะแนนได้สูงสุดถึง 111 คะแนน ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับฟุตบอลลีก 5 ดิวิชั่นของอังกฤษ โดยชนะทีมนอตส์เคาน์ตี คว้าแชมป์และได้สิทธิ์เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติ[24][25]
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2023 เรกซัมลงเล่นฟุตบอลลีกนัดแรกในรอบ 15 ปี โดยแพ้ในบ้านต่อมิลตันคีนส์ดอนส์[26] ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2023 สโมสรฟุตบอลเรกซัมมีรายได้เพิ่มขึ้นเกิน 10 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 400 ล้านบาท[27]
ฤดูกาล 2023–24 เรกซัมเลื่อนชั้นเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน ทำให้สโมสรได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในอีเอฟแอลลีกวันซึ่งเป็นลีกดิวิชั่นสามของฟุตบอลอังกฤษ[28][29] โดยจบอันดับสองของตาราง ตามหลังสต็อกพอร์ตเคาน์ตีซึ่งคว้าแชมป์ไปครอง ในเดือนเมษายน ปี 2024 กลุ่มนักลงทุนของสโมสรเนกาซ่าได้เข้ามาถือหุ้นในสโมสรเรกซัมจำนวน 5%[30] ในทางกลับกัน ทั้งสองเจ้าของยังได้เข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยในสโมสรเนกาซาอีกด้วย สโมสรฟุตบอลเรกซัมได้เข้าร่วมสมาคมสโมสรยุโรป (ECA) ในเดือนสิงหาคม 2024[31]
ฤดูกาล 2024–25 นับเป็นการกลับมาสู่ลีกวันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานถึง 19 ปี และยังเป็นการแข่งขันนัดที่ 5,000 ในลีกของสโมสรอีกด้วย ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะวิคัมบ์วอนเดอเรอส์
สนามเหย้า
[แก้]ตั้งแต่ปี 1864 เรกซัมได้เล่นแมตช์ในบ้านที่เรซคอร์สกราวด์ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนโมลด์ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่เรกซัม โดยตั้งอยู่ตรงข้ามย่าน Maesgwyn ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัย ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างมหาวิทยาลัยกลินเดอร์ และสถานีรถไฟกลินเดอร์เจเนอรัล[32] ในเดือนสิงหาคม 2011 มหาวิทยาลัยกลินเดอร์ได้ซื้อสนามกีฬาและสนามฝึกซ้อมของสโมสรในเกรสฟอร์ดโดยเปลี่ยนชื่อสนามเป็น The Glyndŵr University Racecourse Stadium ต่อมาในปี 2016 Wrexham Supporters Trust ได้ทำสัญญาเช่าสนามเป็นเวลา 99 ปีและชื่อสนามเปลี่ยนกลับเป็น เรซคอร์สกราวด์[33] ความจุ 10,500 ที่นั่ง ทำให้ที่นี่เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเนชันนัลลีก[34] ในเดือนมิถุนายน 2022 สโมสรฟุตบอลเรกซัมได้ซื้อกรรมสิทธิ์ในเรซคอร์ส กราวด์จากมหาวิทยาลัยและกำลังวางแผนปรับปรุงสนาม[35] สำหรับฤดูกาล 2024–25 สนามเรซคอร์สกราวด์มีจำนวนผู้ชมสูงสุดที่ 13,214 คน เนื่องจากมีการขยายพื้นที่อัฒจันทร์ชั่วคราวฝั่งเดอะค็อปสแตนด์
ผู้เล่น
[แก้]ผู้เล่นทีมชุดแรก
[แก้]- ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2024[36]
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Randall, Liam. "Wrexham FC Fans To Vote To Accept 1864 Date Change". Wrexham.com. สืบค้นเมื่อ 28 June 2012.
- ↑ Randall, Liam. "Wrexham FC Fans To Vote To Accept 1864 Date Change". Wrexham.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 August 2018. สืบค้นเมื่อ 14 October 2014.
- ↑ Jones, Peter. "Wrexham AFC History". สืบค้นเมื่อ 21 December 2015.
- ↑ Bagnall, Steve (17 June 2008). "Guinness cheers Racecourse with official record". Daily Post Wales. สืบค้นเมื่อ 18 June 2008.
- ↑ "Wrexham v Manchester United, 26 January 1957". 11v11.com.
- ↑ Scudder, Jake (September 26, 2022). "Wrexham AFC: The fastest growing club in the world". Soccer Scene.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 20, 2022. สืบค้นเมื่อ April 23, 2023.
- ↑ "Wrexham football club could be older than thought". BBC News. 21 February 2012.
- ↑ "DONE DEAL: Ryan Reynolds and Rob McElhenney acquire Wrexham AFC". The Non-League Paper. 16 November 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-16. สืบค้นเมื่อ 16 November 2020.
- ↑ "Ryan Reynolds and Rob McElhenney: Hollywood stars to take over Wrexham". BBC Sport. 16 November 2020. สืบค้นเมื่อ 16 November 2020.
- ↑ Yin-Poole, Wesley (13 September 2021). "The saga of Wrexham in FIFA 22 just took a weird turn". Eurogamer.
- ↑ Aled Williams (28 May 2022). "Wrexham 4–5 Grimsby Town". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 10 June 2022.
- ↑ Aled Williams (22 May 2022). "FA Trophy final: Wrexham 0–1 Bromley". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 12 June 2022.
- ↑ Martin, Kerry (19 May 2021). "Ryan Reynolds and Rob McElhenney announce 'Welcome to Wrexham' football club documentary". Yahoo! News. สืบค้นเมื่อ 26 July 2021.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ ""Welcome To Wrexham" Disney+ UK/Ireland Release Date Announced" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2022-07-04.
- ↑ "Welcome to Wrexham critic reviews". metacritic.com. August 23, 2022. สืบค้นเมื่อ August 23, 2022.
- ↑ Scudder, Jake (September 26, 2022). "Wrexham AFC: The fastest growing club in the world". Soccer Scene.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 20, 2022. สืบค้นเมื่อ April 23, 2023.
- ↑ Portillo, Sam (April 22, 2023). "The Americans who've fallen in love with Wrexham amid Ryan Reynolds and Rob McElhenney's Hollywood story". Wales Online. สืบค้นเมื่อ April 23, 2023.
- ↑ Lewis, Aimee; Foster, Matt (April 23, 2023). "Wrexham secures promotion in front of jubilant owners Ryan Reynolds and Rob McElhenney". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 23, 2023. สืบค้นเมื่อ April 23, 2023.
- ↑ "Are Wrexham now a bigger club than Celtic and Rangers?". Nation.Cymru. March 9, 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2023. สืบค้นเมื่อ April 23, 2023.
- ↑ Ruthven, Graham (March 8, 2023). "Can MLS grow its fanbase by 'doing a Wrexham'?". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 23, 2023. สืบค้นเมื่อ April 23, 2023.
- ↑ "Interest in Wrexham-Sheff Utd FA Cup game peaks on ESPN". World Soccer Talk.
- ↑ "Wrexham record points total in National League: Ryan Reynolds club claims record league haul". www.sportingnews.com. 18 April 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 April 2023. สืบค้นเมื่อ 19 April 2023.
- ↑ "'Honour of my life': Hollywood duo's emotional response after Wrexham AFC promoted". Fox Sports. 23 April 2023.
- ↑ "Wrexham: Welsh side win promotion to EFL with Hollywood actors watching". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-04-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 April 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.
- ↑ "Wrexham's week as champions: Drunken dancing, late-night pizza and a Ferris wheel ride". The Athletic (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-04-29. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 May 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-04-30.
- ↑ Aled Williams (5 August 2023). "Wrexham's EFL return spoiled by MK Dons". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 28 August 2023.
- ↑ Ryan Reynolds and Rob McElhenney Bought a U.K. Soccer Club in 2021. It Now Owes Them $11 Million. Robb Report, Abby Montanez, March 30, 2024
- ↑ "Ryan Reynolds celebrates 'ride of our lives' as Wrexham gains promotion to English 3rd division". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2024-04-13. สืบค้นเมื่อ 2024-04-13.
- ↑ "Wrexham hit Rovers for six to seal promotion". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2024-04-13.
- ↑ "Wrexham Adds Club Necaxa Backers in Reciprocal Soccer Investment". Sportico (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2024-04-29.
- ↑ "CLUB NEWS Wrexham AFC join European Club Association". WrexhamAfc (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 5 August 2023. สืบค้นเมื่อ 2024-08-05.
- ↑ "The Racecourse Ground". Wrexham AFC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2022. สืบค้นเมื่อ 7 October 2022.
- ↑ "Glyndwr University is pleased to confirm that the transfer of the Racecourse Ground stadium freehold to Wrexham AFC has been completed". Glyndwr University. 29 June 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2022. สืบค้นเมื่อ 7 October 2022.
- ↑ Naman Ramachandran (20 July 2022). "Ryan Reynolds and Rob McElhenney's 'Welcome to Wrexham': Watch First Trailer for FX, Disney+ Welsh Soccer Club Series". Yahoo Finance. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2022. สืบค้นเมื่อ 7 October 2022.
- ↑ ""Great day" as Wrexham Football Club acquires freehold of Racecourse Stadium from Glyndwr University". Wrexham.com. 29 June 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2022. สืบค้นเมื่อ 8 October 2022.
- ↑ "Men's First Team". Wrexham A.F.C. สืบค้นเมื่อ 26 July 2024.