หม้อแกงลิง
หม้อแกงลิง | |
---|---|
หม้อผุดของ Nepenthes ampullaria จากอุทยานแห่งชาติบาโก เกาะบอร์เนียว | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | พืช Plantae |
เคลด: | พืชมีท่อลำเลียง Tracheophytes |
เคลด: | พืชดอก Angiosperms |
เคลด: | พืชใบเลี้ยงคู่แท้ Eudicots |
อันดับ: | คาร์เนชัน Caryophyllales |
วงศ์: | หม้อข้าวหม้อแกงลิง Nepenthaceae |
สกุล: | หม้อข้าวหม้อแกงลิง Nepenthes Jack (1835) |
สปีชีส์: | Nepenthes ampullaria |
ชื่อทวินาม | |
Nepenthes ampullaria Jack (1835) | |
ชื่อพ้อง | |
|
หม้อแกงลิง[2] (ชื่อวิทยาศาสตร์: Nepenthes ampullaria) เป็นพืชในสกุลหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งมีการวิวัฒนาการแตกต่างจากชนิดอื่นในสกุลเดียวกันที่เป็นพืชกินสัตว์ (พืชกินเนื้อ) อย่างชัดเจน อาจเรียกหม้อแกงลิงได้ว่าเป็นพืชกินซากอินทรีย์จากเศษใบไม้ที่ร่วงลงสู่ภายในหม้อของมัน สามารถพบได้ในเกาะบอร์เนียว, หมู่เกาะมาลูกู, นิวกินี, มาเลเซียตะวันตก, สิงคโปร์, เกาะสุมาตรา และประเทศไทย[3][4][5][6][7]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
[แก้]หม้อแกงลิง (N. ampullaria) มีรูปทรงของหม้อที่เป็นเอกลักษณ์ และลักษณะการเติบโตของหม้อที่แตกต่าง ทำให้สามารถแยกออกจากหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดอื่นในสกุลได้โดยง่าย ฟรานซิส เออร์เนส ลอยด์ (Francis Ernest Lloyd) นักพฤกษศาสตร์ชาวสหรัฐ ได้แปลงานเขียนทางสัณฐานวิทยาของเกอเทอ (บันทึกลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของเกอเทอ) ของวิลเฮล์ม โทรลล์ (Wilhelm Troll) ปี 1932 เกี่ยวกับพืชชนิดนี้ไว้ดังนี้:[8]
"ฉันพบ N. ampullaria ท่ามกลางพืชหนองน้ำชนิดอื่น ๆ โดยบังเอิญบนเกาะซิเบรุต (Siberut) ทางชายฝั่งตะวันตกของสุมาตรา มันมีอยู่มากมายในทุก ๆ ที่ ทำให้ฉันไม่อาจละสายตาไปได้ มีหม้อของมันเรียงรายตลอดเถา เป็นกระจุกหนาแน่น ช่างน่าทึ่งนัก แม้แต่บนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ก็ยังมีหม้อของมันผุดออกมา ช่างเป็นเหมือนผืนพรมที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม"
หม้อแกงลิงเป็นไม้เลื้อย ลำต้นสีน้ำตาลอ่อนอาจเลื้อยได้สูงถึง 15 เมตร มีขนนุ่มสีน้ำตาลตามลำต้นและใบ เมื่อยังเล็กจะมีอยู่หนาแน่นและจะน้อยลงเมื่อโตขึ้น ใบเดี่ยวเป็นรูปรี สีเขียวยาว 25 เซนติเมตร กว้าง 6 เซนติเมตร เรียงตัวเป็นเกลียว ขอบใบเรียบ สายดิ่งยาวไม่เกิน 15 เซนติเมตร[9]
ช่อดอกเป็นแบบช่อแยกแขนงหนาแน่น ออกดอกช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคม ผล/ฝักเป็นวงรีหรือคล้ายแคบซูลและแตกเมื่อแก่ มันเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเพียงชนิดเดียวจากเกาะสุมาตราและคาบสมุทรมาลายูที่มีช่อดอกแบบช่อแยกแขนง[10]
หม้อแกงลิงเป็นหนึ่งในไม่กี่ชนิดที่มีหม้อผุด โดยหม้อผุดจะเกิดขึ้นบริเวณโคนต้นหรือไหล หม้อผุดนี้มีใบ (ฝา) ขนาดเล็กมากจนไม่สามารถสังเกตได้ชัดเจนหรือใบมีขนาดเล็กมาก หม้อมีลักษณะกลม มีขนาดสูง 7 เซนติเมตรขึ้นไป หม้อมีสีแดงหรือเขียวสีเดียวทั้งหม้อหรืออาจมีตั้งแต่หนึ่งสีขึ้นไป เช่น N. ampullaria จากเกาะสุมาตราและคาบสมุทรมาลายูส่วนมากมีหม้อสีเขียวหรือเขียวกระแดง ส่วนที่พบในแถบบอร์เนียวมีสีแดง และพบในนิวกินีมีหม้อขนาดใหญ่[9][10]
การกินเนื้อ
[แก้]จากหลักฐานการศึกษาพบว่าสารอาหารส่วนมากที่หม้อแกงลิง (N. ampullaria) ได้รับมาจากการย่อยเศษใบไม้ที่ตกลงสู่พื้นป่า ทำให้พืชชนิดนี้ไม่ใช่พืชกินเนื้อโดยตรงอย่างที่เข้าใจ ด้วยเหตุนี้สามารถจัดได้ว่า หม้อแกงลิงเป็นพืชกินซากอินทรีย์ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าหม้อแกงลิง (N. ampullaria) เป็นเพียงหนึ่งในสองชนิดในสกุลหม้อข้าวหม้อแกงลิงเท่านั้นที่ไม่ใช่พืชกินเนื้อที่แท้จริง อีกชนิดคือ N. hemsleyana ซึ่งอาศัยสารอาหารจากการดักจับมูลค้างคาวจากการดัดแปลงหม้อของมันให้เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก[11]
หม้อแกงลิง (N. ampullaria) มีการพัฒนาลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งเป็นผลมาจากการดัดแปลงตัวเองเพื่อเพิ่มความสามารถในการดักจับเศษใบไม้ ได้แก่
- การเป็นพืชเพียงชนิดเดียวในสกุลที่ไม่มีเซลล์ "รูปจันทร์เสี้ยว" ที่บริเวณฝาหม้อซึ่งพัฒนาจากเซลล์ควบคุมปากใบ[12] ทำให้ฝาของหม้อนี้ไม่ปิดกักเหยื่อไว้ภายใน[8]
- ฝาหม้อผิดรูป เล็กมาก และโค้งพับออกด้านนอก ซึ่งไม่บดบังเศษใบไม้แห้งที่ตกลงในหม้อ[10]
- ต่อมน้ำต้อยซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการล่อเหยื่อ มีจำนวนน้อยมาก บางครั้งไม่พบในฝาหม้อเลย[10]
- ต่อมขอบของเพอริสโตมลดรูปลงมากเมื่อเทียบกับชนิดอื่น[10]
- เป็นหม้อที่ผุดจากพื้นดิน ซึ่งภายในหม้อบริเวณที่มีต่อมแผ่ไปจนเกือบถึงเพอริสโตม ซึ่งทำให้พื้นผิวที่มันลื่นคล้ายขี้ผึ้งมีน้อยมากหรือไม่มีเลย[13][14][9] ซึ่งพื้นผิวมันลื่นนี้หน้าที่ให้เหยื่อลื่นและตกลงไปในน้ำย่อย[10] (การไม่มีผิวมันลื่นทำให้แมลงสามารถปีนกลับออกไปได้)
- โครงสร้างของต้นพืชประกอบด้วยไหลใต้ดินและตะเกียงซึ่งเป็นเรื่องไม่ปกติของพืชในสกุลนี้ บ่อยครั้งจะพบหม้อของหม้อแกงลิงมีจำนวนมากปกคลุมไปทั่วพื้นดิน ซึ่งเป็นการช่วยขยายพื้นที่ในการดักจับใบไม้ที่ร่วงลงมา[10]
- หม้อของ N. ampullaria ค่อนข้างจะมีอายุยืนยาว เป็นไปตามการสะสมสารอาหารอย่างช้า ๆ จากเศษพืชที่ใช้เวลามาก[10]
- คาดว่าผู้อิงอาศัยอย่างลูกน้ำ มีส่วนในการช่วยย่อยสลายเศษใบไม้และแปลงเป็นไนโตรเจนให้กับพืชได้ง่ายขึ้น โดยวิธีของการขับถ่ายของแอมโมเนียไอออน รวมทั้งแบคทีเรียที่ย่อยเศษใบไม้จะสร้างแอมโมเนียไอออนออกมาเช่นกัน[10]
มีการแสดงให้เห็นว่าไอโซโทปเสถียรของไนโตรเจนจากใบไม้ (15N) ใน N. ampullaria ที่เติบใตภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ในป่า (และมีเศษใบไม้กิ่งไม้บนพื้น) มีน้อยกว่าต้นไม้ที่ไม่ได้รับเศษใบไม้ กลับกันความเข้มข้นไนโตรเจนรวมกลับมีมากกว่าต้นไม้ที่โตในที่โล่งไม่ได้รับเศษใบไม้ มีการประมาณว่า N. ampullaria ที่โตในป่า 35.7% (±0.1%) ของสารอาหารไนโตรเจนได้มาจากเศษใบไม้เหล่านั้น[15]
ถิ่นอาศัย
[แก้]N. ampullaria พบได้ตั้งแต่พื้นราบจนถึงระดับสูงจากระดับน้ำทะเล 2,100 เมตร[16] ในเขตร้อนชื้น ทั้งเขตหนองน้ำและป่าฝนเขตร้อน ในบอร์เนียวสามารถพบได้ในพื้นราบในป่าฝนเขตร้อนและป่าพรุ ที่ความสูงไม่เกิน 1000 เมตรจากระดับน้ำทะเล[9] ส่วนในสุมาตราและแหลมมลายู พบที่ระดับความสูงถึง 1,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในป่าฝนเขตร้อน, ท้องทุ่ง, ป่าพรุ พบแม้กระทั่งในนาข้าว[10] และในนิวกินีพบในป่าสน, ป่าปลูก, ทุ่งหญ้า และป่าหญ้าหนองน้ำ[16]
อนุกรมวิธาน
[แก้]ชื่อวิทยาศาสตร์ในส่วนการอธิบายลักษณะคือ ampulla มาจากภาษาละติน แปลว่า ขวดน้ำ ซึ่งทำให้ชื่อภาษาอังกฤษของหม้อแกงลิง คือ flask-shaped pitcher-plant (หม้อข้าวหม้อแกงลิงทรงขวด)[17] ซึ่งปรากฏในหนังสือ หม้อข้าวหม้อแกงลิงของบอร์เนียว (Pitcher-Plants of Borneo) ฉบับปี 1996 แต่ถูกยกเลิกไปในฉบับตีพิมพ์ครั้งที่สองในปี 2008[18]
ชื่ออื่น
[แก้]หม้อแกงลิงยังมีชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ คือ ช่อหม้อแกง (ปัตตานี), บลางอกึกอ (มลายู ปัตตานี), หม้อแกงค่าง (ปัตตานี) [19] อังกฤษ: Flask-Shaped Pitcher-Plant
หน่วยอนุกรมวิธานต่ำกว่าระดับชนิด
[แก้]เมื่อเร็วๆนี้มีการบรรยายลักษณะความผันแปรของ N. ampullaria var. racemosa จากรัฐซาราวักว่ามันมีช่อดอกแบบกระจะ บี.เอช. แดนเซอร์ พิจารณาว่าความหลากหลายอื่น ๆ นั้นไม่สำคัญ[20] มีการแจกแจงไว้ดังนี้:[21]
- N. ampullacea var. picta Hort.Parker ex Rafarin (1869)
- N. ampullacea var. vittata Hort.Van Houtte ex Rafarin (1869)
- N. ampullaria var. geelvinkiana Becc. (1886)
- N. ampullaria var. guttata D.Moore (1872)[22]
- N. ampullaria var. longicarpa Becc. (1886)
- N. ampullaria var. microsepala Macfarl. (1911)
- N. ampullaria var. papuana Becc. in sched. nom.nud.
- N. ampullaria var. racemosa J.H.Adam & Wilcock (1990)
- N. ampullaria var. viridis Hort. ex Teijsm. (1859)[23] nom.nud. †
- N. ampullaria var. vittata-major Mast. (1872)[24] †
ลูกผสมทางธรรมชาติ
[แก้]เนื่องจากดอกของ N. ampullaria ที่บานในทุกๆปีมีช่วงเวลาบานหลายสัปดาห์ ทำให้มีโอกาสที่จะผสมข้ามชนิดสูง นี่คือลูกผสมตามธรรมชาติของ N. ampullaria ที่ถูกบันทึกไว้
- N. albomarginata × N. ampullaria[9]
- N. ampullaria × N. bicalcarata[9]
- N. ampullaria × N. eustachya[3]
- N. ampullaria × N. gracilis [=N. × trichocarpa][9]
- (N. ampullaria × N. gracilis) × N. bicalcarata [=N. × trichocarpa × N. bicalcarata]
- N. ampullaria × N. hemsleyana[25]
- N. ampullaria × N. hirsuta[9]
- N. ampullaria × N. mirabilis [=N. × kuchingensis, Nepenthes cutinensis][9]
- N. ampullaria × N. neoguineensis[3]
- N. ampullaria × N. rafflesiana [=N. × hookeriana][9][26]
- ? (N. ampullaria × N. rafflesiana) × N. mirabilis [=N. × hookeriana × N. mirabilis][27]
- N. ampullaria × N. reinwardtiana[10]
- N. ampullaria × N. spathulata[28]
- N. ampullaria × N. tobaica[10]
-
? N. ampullaria × N. eustachya
-
N. ampullaria × N. neoguineensis
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Clarke, C.M. (2018). "Nepenthes ampullaria". IUCN Red List of Threatened Species. 2018: e.T39640A143958546. doi:10.2305/IUCN.UK.2018-1.RLTS.T39640A143958546.en. สืบค้นเมื่อ 19 November 2021.
- ↑ เต็ม สมิตินันทน์. 2523. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (ชื่อพฤกษศาสตร์-ชื่อพื้นเมือง). กรมป่าไม้ หน้า 379
- ↑ 3.0 3.1 3.2 McPherson, S.R. 2009. Pitcher Plants of the Old World. 2 volumes. Redfern Natural History Productions, Poole.
- ↑ (ในภาษาอิตาลี) Catalano, M. 2010. Nepenthes della Thailandia: Diario di viaggio. Prague.
- ↑ McPherson, S.R. & A. Robinson 2012. Field Guide to the Pitcher Plants of Peninsular Malaysia and Indochina. Redfern Natural History Productions, Poole.
- ↑ McPherson, S.R. & A. Robinson 2012. Field Guide to the Pitcher Plants of Australia and New Guinea. Redfern Natural History Productions, Poole.
- ↑ McPherson, S.R. & A. Robinson 2012. Field Guide to the Pitcher Plants of Sumatra and Java. Redfern Natural History Productions, Poole.
- ↑ 8.0 8.1 Lloyd, F.E. 1942. The Carnivorous Plants. Chronica Botanica 9. Ronald Press Company, New York, U.S.A. xvi + 352 pp.
- ↑ 9.00 9.01 9.02 9.03 9.04 9.05 9.06 9.07 9.08 9.09 Clarke, C.M. 1997. Nepenthes of Borneo. Natural History Publications (Borneo), Kota Kinabalu.
- ↑ 10.00 10.01 10.02 10.03 10.04 10.05 10.06 10.07 10.08 10.09 10.10 10.11 Clarke, C.M. 2001. Nepenthes of Sumatra and Peninsular Malaysia. Natural History Publications (Borneo), Kota Kinabalu.
- ↑ Gaume, Laurence; Bazile, Vincent; Huguin, Maïlis; Bonhomme, Vincent. "Different pitcher shapes and trapping syndromes explain resource partitioning in Nepenthes species". Ecology and Evolution (ภาษาอังกฤษ). 6 (5): 1378–1392. doi:10.1002/ece3.1920. ISSN 2045-7758. PMC 4739188. PMID 26865951.
{{cite journal}}
: CS1 maint: PMC format (ลิงก์) - ↑ Pant, D.D. & S. Bhatnagar 1977. Morphological studies in Nepenthes (Nepenthaceae). Phytomorphology 27: 13-34.
- ↑ Macfarlane, J.M. 1893. Observations on pitchered insectivorous plants. Part II. Annals of Botany 7: 403-458.
- ↑ Jebb, M.H.P. 1991. An account of Nepenthes in New Guinea. Science in New Guinea 17 (1) : 7-54.
- ↑ Moran, J.A., C.M. Clarke & B.J. Hawkins 2003. From Carnivore to Detritivore? Isotopic Evidence for Leaf Litter Utilization by the Tropical Pitcher Plant Nepenthes ampullaria. International Journal of Plant Sciences 164: 635–639.
- ↑ 16.0 16.1 Jebb, M. & M. Cheek 1997. A Skeletal Revision of Nepenthes (Nepenthaceae). Blumea 42: 1-106.
- ↑ Phillipps, A. & A. Lamb 1996. Pitcher-Plants of Borneo. Natural History Publications (Borneo), Kota Kinabalu.
- ↑ Phillipps, A., A. Lamb & C.C. Lee 2008. Pitcher Plants of Borneo. Second Edition. Natural History Publications (Borneo), Kota Kinabalu.
- ↑ สำนักงานหอพรรณไม้. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันทน์ -- กรุงเทพมหานคร : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, 2549
- ↑ Danser, B.H. 1928. The Nepenthaceae of the Netherlands Indies. Bulletin du Jardin Botanique de Buitenzorg, Série III, 9(3–4): 249–438.
- ↑ Schlauer, J. N.d. Nepenthes ampullaria เก็บถาวร 2020-08-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Carnivorous Plant Database.
- ↑ Moore, D. 1872. On the culture of Nepenthes at Glasnevin. The Gardeners' Chronicle and Agricultural Gazette 1872(11): 359–360.
- ↑ (ในภาษาฝรั่งเศส) Teysmann, M.J.E. 1859. Énumération des plantes envoyées de Java au jardin botanique de l'Université de Leide. Annales d'horticulture et de botanique, ou Flore des jardins du royaume des Pays-Bas, et histoire des plantes cultivées les plus intéressantes des possessions néerlandaises aux Indes orientales, de l'Amérique et du Japon 2: 133–142.
- ↑ Masters, M.T. 1872. The cultivated species of Nepenthes. The Gardeners' Chronicle and Agricultural Gazette 1872(16): 540–542.
- ↑ Scharmann, M. & T.U. Grafe 2013. Reinstatement of Nepenthes hemsleyana (Nepenthaceae), an endemic pitcher plant from Borneo, with a discussion of associated Nepenthes taxa. Blumea 58(1): 8–12. doi:10.3767/000651913X668465
- ↑ Yulita, K.S. & M. Mansur 2012. The occurrence of hybrid in Nepenthes hookeriana Lindl. from Central Kalimantan can be detected by RAPD and ISSR markers. HAYATI Journal of Biosciences 19(1): 18–24. doi:10.4308/hjb.19.1.18
- ↑ Lowrie, A. 1983. Sabah Nepenthes Expeditions 1982 & 1983. Carnivorous Plant Newsletter 12(4): 88–95.
- ↑ (ในภาษาอินโดนีเซีย) Akhriadi, P. 2007. Kajian taksonomi hibrid alami Nepenthes (Nepenthaceae) di Kerinci เก็บถาวร 3 มีนาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Working paper, Andalas University, Padang. Abstract เก็บถาวร 4 มีนาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
อ่านเพิ่ม
[แก้]- [Anonymous] 1881. Messrs. Veitch's Nepenthes-house. The Gardeners' Chronicle, new series, 16(410): 598–599.
- [Anonymous] 1883. Mr. A. E. Ratcliff's Nepenthes. The Gardeners' Chronicle 20(497): 18–19.
- Adam, J.H., C.C. Wilcock & M.D. Swaine 1992. The ecology and distribution of Bornean Nepenthes. Journal of Tropical Forest Science 5(1): 13–25.
- Adam, J.H. 1997. Prey spectra of Bornean Nepenthes species (Nepenthaceae) in relation to their habitat. Pertanika Journal of Tropical Agricultural Science 20(2–3): 121–134.
- Adam, J.H. & C.C. Wilcock 1999. Palynological study of Bornean Nepenthes (Nepenthaceae). Pertanika Journal of Tropical Agricultural Science 22(1): 1–7.
- (ในภาษามลายู) Adam, J.H., J.N. Maisarah, A.T.S. Norhafizah, A.H. Hafiza, M.Y. Harun & O.A. Rahim et al. 2009. Ciri Tanih Pada Habitat Nepenthes (Nepenthaceae) di Padang Tujuh, Taman Negeri Endau-Rompin Pahang. [Soil Properties in Nepenthes (Nepenthaceae) Habitat at Padang Tujuh, Endau-Rompin State Park, Pahang.] In: J.H. Adam, G.M. Barzani & S. Zaini (eds.) Bio-Kejuruteraan and Kelestarian Ekosistem. [Bio-Engineering and Sustainable Ecosystem.] Kumpulan Penyelidikan Kesihatan Persekitaran, Pusat Penyelidikan Bukit Fraser and Universiti Kebangsaan, Malaysia. pp. 147–157.
- (ในภาษาฝรั่งเศส) André, E. 1877. Nepenthes ampullaria, Jack. Nepenthes ampullaria var. vittata major.. L'Illustration horticole: revue mensuelle des serres et des jardins 24: 45–46, t. 272. (alternate scan)
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Baloari, G., R. Linda & Mukarlina 2013. Keanekaragaman jenis dan pola distribusi Nepenthes spp di Gunung Semahung Kecamatan Sengah Temila Kabupaten Landak. Protobiont 2(1): 1–6. Abstract
- Beaman, J.H. & C. Anderson 2004. The Plants of Mount Kinabalu: 5. Dicotyledon Families Magnoliaceae to Winteraceae. Natural History Publications (Borneo), Kota Kinabalu.
- (ในภาษาฝรั่งเศส) Besnard, J. 1991. Nepenthes ampullaria "Cantley's red". Dionée 23.
- Beveridge, N.G.P., C. Rauch, P.J.A. Keßler, R.R. van Vugt & P.C. van Welzen 2013. A new way to identify living species of Nepenthes (Nepenthaceae): more data needed! Carnivorous Plant Newsletter 42(4): 122–128.
- (ในภาษาละติน) Blume, C.L. 1852. Ord. Nepenthaceae. In: Museum Botanicum Lugduno-Batavum, sive stirpium exoticarum novarum vel minus cognitarum ex vivis aut siccis brevis expositio. Tom. II. Nr. 1. E.J. Brill, Lugduni-Batavorum. pp. 5–10.
- Bonhomme, V., H. Pelloux-Prayer, E. Jousselin, Y. Forterre, J.-J. Labat & L. Gaume 2011. Slippery or sticky? Functional diversity in the trapping strategy of Nepenthes carnivorous plants. New Phytologist 191(2): 545–554. doi:10.1111/j.1469-8137.2011.03696.x
- Bourke, G. 2011. The Nepenthes of Mulu National Park. Carniflora Australis 8(1): 20–31.
- Brearley, F.Q. & M. Mansur 2012. Nutrient stoichiometry of Nepenthes species from a Bornean peat swamp forest. Carnivorous Plant Newsletter 41(3): 105–108.
- Burnett, J.B., M. Davies & G. Taylor (eds.) 2003. Flora and Fauna Survey of the Tangguh LNG Site Papua Province, Indonesia. P.T. Hatfindo Prima, Bogor.
- Chung, A.Y.C. 2006. Biodiversity and Conservation of The Meliau Range: A Rain Forest in Sabah's Ultramafic Belt. Natural History Publications (Borneo), Kota Kinabalu. ISBN 9838121169.
- Clarke, C.M. & J.A. Moran 1994. A further record of aerial pitchers in Nepenthes ampullaria Jack. Malayan Nature Journal 47: 321–323.
- Cresswell, J.E. 1998. Morphological correlates of necromass accumulation in the traps of an Eastern tropical pitcher plant, Nepenthes ampullaria Jack, and observations on the pitcher infauna and its reconstitution following experimental removal. Oecologia 113(3): 383–390. doi:10.1007/s004420050390
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Desti 2009. Anatomi daun dua jenis kantung semar (Nepenthes ampullaria Jack dan Nepenthes singalana Becc.).Thesis, Andalas University, Padang.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Deswita, E. 2010. Perkembangan ginesium beberapa jenis Nepenthes (N. ampullaria Jack., N. gracilis Korth. dan N. reinwardtiana Miq.).Thesis, Andalas University, Padang.
- Dixon, W.E. 1889. Nepenthes. The Gardeners' Chronicle, series 3, 6(144): 354.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Enjelina, W. 2012. Analisis hibrid alam kantung semar (Nepenthes) di Bukit Taratak Kabupaten Pesisir Selatan Sumatera Barat dengan teknik RAPD. MSc thesis, Andalas University, Padang.
- Fashing, N.J. 2010. Two novel adaptations for dispersal in the mite family Histiostomatidae (Astigmata). In: M.W. Sabelis & J. Bruin (eds.) Trends in Acarology: Proceedings of the 12th International Congress. Springer Science, Dordrecht. pp. 81–84. doi:10.1007/978-90-481-9837-5
- Frazier, C.K. 2000. Reproductive isolating mechanisms and fitness among tropical pitcher plants (Nepenthes) and their hybrids. [video] The 3rd Conference of the International Carnivorous Plant Society, San Francisco, USA.
- Green, T.L. & S. Green 1964. Stem pitchers on Nepenthes ampullaria. Malayan Nature Journal 18: 209–211.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Hanafi, H. 2010. Pertumbuhan Nepenthes ampullaria Jack. pada medium MS modifikasi dan penambahan beberapa konsentrasi BAP.Thesis, Andalas University, Padang.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Hanafiah, L. 2008. Studi habitat Nepenthes ampullaria Jack di Kawasan Taman Wisata Alam Lembah Harau.MSc thesis, Andalas University, Padang.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Handayani, T. 1999. Konservasi Nepenthes di kebun raya Indonesia. [Conservation of Nepenthes in Indonesian botanic gardens.] In: A. Mardiastuti, I. Sudirman, K.G. Wiryawan, L.I. Sudirman, M.P. Tampubolon, R. Megia & Y. Lestari (eds.) Prosiding II: Seminar Hasil-Hasil Penelitian Bidang Ilmu Hayat. Pusat Antar Universitas Ilmu Hayat IPB, Bogor. pp. 365–372.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Handayani, T. & R. Hendrian 1999. Strategi konservasi Nepenthes ampullaria Jack. [Conservation strategy of Nepenthes ampullaria Jack.] In: Workshop & Promosi Flora Kawasan Timur Indonesia. Kebun Raya Ekakarya Bali, Lembaga Ilmu Pengetahuan Indonesia, Bogor. pp. 1–6.
- Handayani, T., D. Latifah & Dodo 2005. Diversity and growth behaviour of Nepenthes (pitcher plants) in Tanjung Puting National Park, Central Kalimantan Province. Biodiversitas 6(4): 248–252 . Cover
- Hansen, E. 2001. Where rocks sing, ants swim, and plants eat animals: finding members of the Nepenthes carnivorous plant family in Borneo. Discover 22(10): 60–68.
- Hernawati & P. Akhriadi 2006. A Field Guide to the Nepenthes of Sumatra. PILI-NGO Movement, Bogor.
- Hirst, S. 1928. A new tyroglyphid mite (Zwickia nepenthesiana sp. n.) from the pitchers of Nepenthes ampullaria. Journal of the Malayan Branch of the British Royal Asiatic Society 6: 19–22.
- Hooker, J.D. 1859. XXXV. On the origin and development of the pitchers of Nepenthes, with an account of some new Bornean plants of that genus. The Transactions of the Linnean Society of London 22(4): 415–424. doi:10.1111/j.1096-3642.1856.tb00113.x
- Hwee, K.C. 1996. Carnivorous plants and sites in Singapore. Bulletin of the Australian Carnivorous Plant Society, Inc. 15(4): 12–15.
- Kato, M., M. Hotta, R. Tamin & T. Itino 1993. Inter- and intra-specific variation in prey assemblages and inhabitant communities in Nepenthes pitchers in Sumatra. Tropical Zoology 6(1): 11–25. Abstract
- Kitching, R.L. 2000. Food Webs and Container Habitats: The natural history and ecology of phytotelmata. Cambridge University Press, Cambridge.
- Korthals, P.W. 1839. Over het geslacht Nepenthes. In: C.J. Temminck 1839–1842. Verhandelingen over de Natuurlijke Geschiedenis der Nederlandsche overzeesche bezittingen; Kruidkunde. Leiden. pp. 1–44, t. 1–4, 13–15, 20–22.
- (ในภาษาเช็ก) Koudela, I. 1998. Klíčí nebo neklíčí. Trifid 1998(2): 36–37. (page 2)
- Kurup, R., A.J. Johnson, S. Sankar, A.A. Hussain, C.S. Kumar & S. Baby 2013. Fluorescent prey traps in carnivorous plants. Plant Biology 15(3): 611–615. doi:10.1111/j.1438-8677.2012.00709.x
- Lam, S.Y. 1982. Tripteroides aranoides (Theobald) in two pitcher plants, Nepenthes ampullaria Jack and N. gracilis Korth., at Kent Ridge (Diptera: Culicidae). BSc (Hons.) thesis, National University of Singapore.
- Lecoufle, M. 1990. Nepenthes ampullaria. In: Carnivorous Plants: Care and Cultivation. Blandford, London. pp. 130–131.
- Lee, C.C. 2000. Recent Nepenthes Discoveries. [video] The 3rd Conference of the International Carnivorous Plant Society, San Francisco, USA.
- Lim, S.H., D.C.Y. Phua & H.T.W. Tan 2000. Primer design and optimization for RAPD analysis of Nepenthes. Biologia Plantarum 43(1): 153–155. doi:10.1023/A:1026535920714
- Macfarlane, J.M. 1914. Family XCVI. Nepenthaceæ. [pp. 279–288] In: J.S. Gamble. Materials for a flora of the Malayan Peninsula, No. 24. Journal & Proceedings of the Asiatic Society of Bengal 75(3): 279–391.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Mansur, M. 2001. Koleksi Nepenthes di Herbarium Bogoriense: prospeknya sebagai tanaman hias. In: Prosiding Seminar Hari Cinta Puspa dan Satwa Nasional. Lembaga Ilmu Pengetahuan Indonesia, Bogor. pp. 244–253.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Mansur, M. 2007. Keanekaragaman jenis Nepenthes (kantong semar) dataran rendah di Kalimantan Tengah. [Diversity of lowland Nepenthes (kantong semar) in Central Kalimantan.] Berita Biologi 8(5): 335–341. Abstract
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Mansur, M. 2008. Penelitian ekologi Nepenthes di Laboratorium Alam Hutan Gambut Sabangau Kereng Bangkirai Kalimantan Tengah เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. [Ecological studies on Nepenthes at Peat Swamps Forest Natural Laboratory, Kereng Bangkirai Sabangau, Central Kalimantan.] Jurnal Teknologi Lingkungan 9(1): 67–73. Abstract
- Mansur, M. & F.Q. Brearley 2008. Ecological studies on Nepenthes at Barito Ulu, Central Kalimantan, Indonesia. Jurnal Teknologi Lingkungan 9(3): 271–276.
- (ในภาษาเยอรมัน) Marwinski, D. 2014. Eine Expedition nach West-Papua oder auf den Spuren von Nepenthes paniculata. Das Taublatt 78: 11–44.
- McPherson, S.R. & A. Robinson 2012. Field Guide to the Pitcher Plants of Borneo. Redfern Natural History Productions, Poole.
- Meimberg, H., A. Wistuba, P. Dittrich & G. Heubl 2001. Molecular phylogeny of Nepenthaceae based on cladistic analysis of plastid trnK intron sequence data. Plant Biology 3(2): 164–175. doi:10.1055/s-2001-12897
- (ในภาษาเยอรมัน) Meimberg, H. 2002. Molekular-systematische Untersuchungen an den Familien Nepenthaceae und Ancistrocladaceae sowie verwandter Taxa aus der Unterklasse Caryophyllidae s. l.. PhD thesis, Ludwig Maximilian University of Munich, Munich.
- Meimberg, H. & G. Heubl 2006. Introduction of a nuclear marker for phylogenetic analysis of Nepenthaceae. Plant Biology 8(6): 831–840. doi:10.1055/s-2006-924676
- Meimberg, H., S. Thalhammer, A. Brachmann & G. Heubl 2006. Comparative analysis of a translocated copy of the trnK intron in carnivorous family Nepenthaceae. Molecular Phylogenetics and Evolution 39(2): 478–490. doi:10.1016/j.ympev.2005.11.023
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Meriko, L. 2010. Perkembangan androesium beberapa jenis Nepenthes (N. ampullaria Jack., N. gracilis Korth. dan N. reinwardtiana Miq.).MSc thesis, Andalas University, Padang.
- Mey, F.S. 2014. A short visit to Papua, video by Alastair Robinson and Davide Baj. Strange Fruits: A Garden's Chronicle, 25 February 2014.
- Mogi, M. & K.L. Chan 1997. Variation in communities of dipterans in Nepenthes pitchers in Singapore: predators increase prey community diversity. Annals of the Entomological Society of America 90(2): 177–183.
- Moran, J.A., W.E. Booth & J.K. Charles 1999. Aspects of pitcher morphology and spectral characteristics of six Bornean Nepenthes pitcher plant species: implications for prey capture. Annals of Botany 83: 521–528.
- Mullins, J. & M. Jebb 2009. Phylogeny and biogeography of the genus Nepenthes. National Botanic Gardens, Glasnevin.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Murniati, Syamswisna & A. Nurdini 2013. Pembuatan flash card dari hasil inventarisasi Nepenthes di hutan adat desa Teluk Bakung. Jurnal Pendidikan dan Pembelajaran 2(1): [unpaginated; 14 pp.] Abstract
- (ในภาษาญี่ปุ่น) Oikawa, T. 1992. Nepenthes ampullaria Jack. In: ญี่ปุ่น: 無憂草; โรมาจิ: Nepenthes; ทับศัพท์: Muyū kusa – Nepenthes. [The Grief Vanishing.] Parco Co., Japan. pp. 34–37.
- Osunkoya, O.O., S.D. Daud & F.L. Wimmer 2008. Longevity, lignin content and construction cost of the assimilatory organs of Nepenthes species. Annals of Botany 102(5): 845–853. doi:10.1093/aob/mcn162
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Rahmawati, Y. 2010. Pengawetan polen Nepenthes ampullaria Jack. dengan beberapa pelarut organik.Thesis, Andalas University, Padang.
- Rice, B. 2007. Carnivorous plants with hybrid trapping strategies. Carnivorous Plant Newsletter 36(1): 23–27.
- Ridley, H.N. 1916. Nepenthaceæ. [pp. 139–141] In: I. Report on the botany of the Wollaston Expedition to Dutch New Guinea, 1912–13. The Transactions of the Linnean Society of London, series 2: botany, 9(1): 1–269. doi:10.1111/j.1095-8339.1916.tb00009.x
- Robinson, A. 1995 ['1994/95']. Plant findings in Malaysia. The Carnivorous Plant Society Journal 18: 44–47.
- Rottloff, S., R. Stieber, H. Maischak, F.G. Turini, G. Heubl & A. Mithöfer 2011. Functional characterization of a class III acid endochitinase from the traps of the carnivorous pitcher plant genus, Nepenthes. Journal of Experimental Botany 62(13): 4639–4647. doi:10.1093/jxb/err173
- Shivas, R.G. 1984. Pitcher Plants of Peninsular Malaysia & Singapore. Maruzen Asia, Kuala Lumpur.
- Slack, A. 1979. Nepenthes ampullaria. In: Carnivorous Plants. Ebury Press, London. pp. 82–84.
- Steffan, W.A. & N.L. Evenhuis 1982. A new species of Toxorhynchites from Papua New Guinea (Diptera: Culicidae).[ลิงก์เสีย] Mosquito Systematics 14(1): 1–13.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Syamsuardi & R. Tamin 1994. Kajian kekerabatan jenis-jenis Nepenthes di Sumatera Barat.Project report, Andalas University, Padang.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Syamsuardi 1995. Klasifikasi numerik kantong semar (Nepenthes) di Sumatera Barat.[Numerical classification of pitcher plants (Nepenthes) in West Sumatra.] Journal Matematika dan Pengetahuan Alam 4(1): 48–57.
- Takeuchi, Y., M.M. Salcher, M. Ushio, R. Shimizu-Inatsugi, M.J. Kobayashi, B. Diway, C. von Mering, J. Pernthaler & K.K. Shimizu 2011. In situ enzyme activity in the dissolved and particulate fraction of the fluid from four pitcher plant species of the genus Nepenthes. PLOS One 6(9): e25144. doi:10.1371/journal.pone.0025144
- Tan, W.K. & C.L. Wong 1996. Aerial pitchers of Nepenthes ampullaria. Nature Malaysiana 21(1): 12–14.
- Teo, L.L. 2001. Study of natural hybridisation in some tropical plants using amplified fragment length polymorphism analysis. MSc thesis, Nanyang Technological University, Singapore.
- Thorogood, C. 2010. The Malaysian Nepenthes: Evolutionary and Taxonomic Perspectives. Nova Science Publishers, New York.
- Wong, D. 1996. Thoughts, reflections, and upper Nepenthes ampullaria pitcher. Carnivorous Plant Newsletter 25(1): 10–14.
- (ในภาษาอินโดนีเซีย) Yogiara 2004. Analisis komunitas bakteri cairan kantung semar (Nepenthes spp.) menggunakan teknik terminal restriction fragment length polymorphism (T-RFLP) dan amplified ribosomul DNA restriction analysis (ARDRA). MSc thesis, Bogor Agricultural University, Bogor.
- Yogiara, A. Suwanto & M.T. Suhartono 2006. A complex bacterial community living in pitcher plant fluid. Jurnal Mikrobiologi Indonesia 11(1): 9–14.
- James Wong and the Malaysian Garden. [video] BBC Two.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Photographs of N. ampullaria at the Carnivorous Plant Photofinder