เบรุต
เบรุต بيروت เบย์รูธ | |
---|---|
ตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย: มัสยิดโมฮัมมัด ออลามีน, พระแม่แห่งเลบานอน, อาคารร้างของโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ เบรุต, พิพิธภัณฑ์ซูร์ซอกค์, หินพีเจียนร็อคส์ที่ Raouché, จัตุรัสเนจเมห์ และ จัตุรัสมรณสักขี | |
สมญา: ปารีสตะวันออก[1] | |
คำขวัญ: | |
พิกัด: 33°53′13″N 35°30′47″E / 33.88694°N 35.51306°E | |
ประเทศ | เลบานอน |
เขตรัฐบาล | เบรุต |
การปกครอง | |
• นายกเทศมนตรี | Jamal Itani |
พื้นที่ | |
• เมืองหลวง | 19.8 ตร.กม. (7.6 ตร.ไมล์) |
• รวมปริมณฑล | 67 ตร.กม. (26 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2014) | |
• เมืองหลวง | ป. 361,366[2] คน |
• รวมปริมณฑล | ป. 2,200,000[3] คน |
เดมะนิม | เบรุตี (Beiruti) |
เขตเวลา | UTC+2 (EET) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+3 (EEST) |
รหัสพื้นที่ | +961 (01) |
รหัส ISO 3166 | LB-BA |
นักบุญองค์อุปถัมภ์ | นักบุญจอร์จ |
เว็บไซต์ | www |
เบรุต (อาหรับ: بيروت; อังกฤษ: Beirut) คือเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเลบานอน ประมาณการในปี 2550 ว่ามีประชากรระหว่าง 1 ถึง 2.2 ล้านคนในเขตมหานคร นับเป็นนครใหญ่สุดอันดับสามในภูมิภาคลิแวนต์ (Levant) นครตั้งอยู่บนคาบสมุทร ณ จุดกึ่งกลางชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของประเทศเลบานอน
นับเป็นนครเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีผู้อยู่อาศัยติดต่อกันเกิน 5,000 ปี มีการกล่าวถึงกรุงเบรุตครั้งแรกในจดหมายอะมาร์นา (Amarna) จากราชอาณาจักรอียิปต์ใหม่ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ก่อนคริสตกาล
กรุงเลบานอนเป็นนครที่ทำการรัฐบาลเลบานอน และมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ เป็นที่ตั้งของธนาคารและบริษัทส่วนใหญ่ หลังสงครามกลางเมืองเลบานอน ภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเลบานอนอยู่ระหว่างบูรณะครั้งใหญ่[4][5][6] จัดเป็นนครโลกระดับบีตาโดยเครือข่ายวิจัยโลกาภิวัฒน์และนครของโลก[7]
ประวัติ
[แก้]เบรุตเป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญของเลบานอน เป็นเมืองเก่าที่เป็นศูนย์กลางการศึกษามาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน สันนิษฐานว่าชื่อเมืองนี้มาจากภาษาอราเมอิก berotha แปลว่าต้นสน หรืออาจจะมาจากภาษาละติน berytus ที่มาจากภาษาคานาอันและภาษาฟินิเชียน beroth หมายถึงบ่อน้ำ
ชื่อเมืองเบรุตปรากฏในจารึกของอียิปต์โบราณที่เรียกจารึกเทลส์ เอลอมาร์นาซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งในสมัยจักรวรรดิโรมัน เบรุตถูกกองทัพโรมันทำลายหลายครั้ง จนโรมันเข้ามาปกครองเมื่อ พ.ศ. 479 ทำให้เบรุตเจริญรุ่งเรืองในช่วงที่เป็นอาณานิคมของโรมัน มีชื่อเสียงทางด้านการศึกษา กฎหมายตั้งแต่ พ.ศ. 743 แต่หลังจากเกิดคลื่นยักษ์ถล่มเมืองเมื่อ พ.ศ. 1094 ทำให้ประชากรลดลงมาก
เมื่อชาวอาหรับมาโจมตีซีเรียใน พ.ศ. 1178 เบรุตจึงอยู่ภายใต้การปกครองของอาหรับจนถึงสมัยสงครามครูเสด พวกครูเสดได้จัดตั้งราชอาณาจักรลาดินแห่งเยรูซาเล็มเมื่อ พ.ศ. 1653 พระเจ้าเบลด์วินที่ 1 ทรงมาตีเมืองเบรุตได้ ทำให้เบรุตกลายเป็นเป้าหมายของการแย่งชิงระหว่างนักรบครูเสดและมุสลิม จนมุสลิมสามารถขับไล่พวกครูเสดออกไปได้เมื่อ พ.ศ. 1834 เบรุตจึงเป็นส่วนหนึ่งของอียิปต์ที่ปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มัมลูก ในช่วงนี้ เมืองเบรุตยิ่งเสื่อมโทรมลง จนจักรวรรดิออตโตมานปราบปรามซีเรีย อียิปต์ และอิรักได้ใน พ.ศ. 2059 เบรุตจึงเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมาน โดยออตโตมานให้เจ้าชายของชาวดรูซมาปกครองเลบานอนตอนกลางและตอนใต้
ใน พ.ศ. 2315 เบรุตกลายเป็นแหล่งของการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจคือรัสเซีย อังกฤษ เติร์ก และออสเตรีย จน พ.ศ. 2384 จึงให้มุฮัมหมัด อาลี แห่งอียิปต์ยึดครองไว้ 10 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิออตโตมานเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ฝรั่งเศสได้เข้ามาปกครองซีเรียในฐานะดินแดนในอาณัติ และได้แยกเลบานอนออกจากซีเรีย โดยให้เบรุตเป็นเมืองหลวงของเลบานอน ตั้งแต่ พ.ศ. 2463 ชาวคริสต์นิกายโรมาไนต์ซึ่งฝรั่งเศสให้การสนับสนุนได้เป็นใหญ่ทางการเมืองจนเลบานอนได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2489 ในช่วง พ.ศ. 2495 – 2518 เบรุตเป็นศูนย์กลางกิจการธนาคารของอาหรับ มีท่าเรือสำคัญ เป็นศูนย์กลางการศึกษาของเลบานอน โดยมีสถานันการศึกษาระดับอุดมศึกษา 8 แห่งอยู่ในเบรุต
ความขัดแย้งระหว่างชาวคริสต์และมุสลิมในเลบานอนทำให้เบรุตต้องพบกับปัญหาความขัดแย้งตลอดเวลา จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองใน พ.ศ. 2517 – 2519 และมีการสู้รบเรื่อยมา โดยซีเรียสนับสนุนมุสลิม และอิสราเอลสนับสนุนชาวคริสต์จนเบรุตต้องถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือเขตของชาวคริสต์ทางตะวันออกและเขตมุสลิมทางตะวันตก ระหว่างสองเขตมีการต่อสู้กันอยู่เสมอ เมื่อกองกำลังปลดปล่อยปาเลสไตน์ลอบโจมตีอิสราเอลจากดินแดนเลบานอน อิสราเอลตอบโต้โดยการบุกโจมตีเลบานอน ทำให้เบรุตกลายเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ แม้ว่าข้อตกลงใน พ.ศ. 2525 จะให้ปาเลสไตน์ถอนตัวไปจากเลบานอน
หลังจากสิ้นสุดสงครามใน พ.ศ. 2533 ชาวเลบานอนได้สร้างเบรุตขึ้นใหม่โดยส่วนใหญ่เกิดจากแรงงานของทหาร เมืองเบรุตกลับมาเป็นศูนย์กลางของตะวันออกกลางทางด้านการค้า แฟชั่น และสื่อ ราฟิก ฮารีรี อดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอนถูกลอบสังหารในเบรุตเมื่อ พ.ศ. 2548.[8][9] ในอีกหนึ่งเดือนต่อมาได้มีประชาชนนับล้านออกมาชุมนุมต่อต้านในเบรุต.[10][11] การปฏิวัติซ๊ดาร์เป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเลบานอน[12] กองทหารที่ใหญ่ที่สุดของซีเรียถอนออกจากเบรุตเมื่อ 26 เมษายน พ.ศ. 2548[13]
เมื่อเริ่มความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-เลบานอนใน พ.ศ. 2549 อิสราเอลได้โจมตีบางส่วนของเบรุต โดยเฉพาะพื้นที่ของมุสลิมชีอะห์ทางใต้ของเบรุต ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 หลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจคว่ำบาตรเครือข่ายของกลุ่มฮิซบุลลอหฺ ทำให้เกิดความขัดแย้งและกลายเป็นสงครามกลางเมือง หลังจากที่มีการเจรจาในระดับนานาชาติโดยให้เจ้าชายแห่งกาตาร์เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ได้ตกลงให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติในเลบานอน
ภูมิอากาศ
[แก้]ข้อมูลภูมิอากาศของBeirut International Airport | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | 25 (77) |
31 (88) |
36 (97) |
37 (99) |
42 (108) |
40 (104) |
37 (99) |
37 (99) |
37 (99) |
38 (100) |
33 (91) |
29 (84) |
42 (108) |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 17 (63) |
17 (63) |
19 (66) |
22 (72) |
26 (79) |
28 (82) |
31 (88) |
32 (90) |
30 (86) |
27 (81) |
23 (73) |
18 (64) |
24 (75) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 11 (52) |
11 (52) |
12 (54) |
14 (57) |
18 (64) |
21 (70) |
23 (73) |
23 (73) |
23 (73) |
21 (70) |
16 (61) |
13 (55) |
17 (63) |
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | -1 (30) |
-1 (30) |
2 (36) |
6 (43) |
10 (50) |
13 (55) |
18 (64) |
17 (63) |
16 (61) |
11 (52) |
5 (41) |
-1 (30) |
−1 (30) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 191 (7.52) |
158 (6.22) |
94 (3.7) |
56 (2.2) |
18 (0.71) |
3 (0.12) |
0 (0) |
0 (0) |
5 (0.2) |
51 (2.01) |
132 (5.2) |
185 (7.28) |
893 (35.16) |
ความชื้นร้อยละ | 69 | 68 | 67 | 69 | 71 | 71 | 73 | 73 | 69 | 68 | 66 | 68 | 69 |
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 0.1 mm) | 15 | 12 | 9 | 5 | 2 | 0 | 0 | 0 | 1 | 4 | 8 | 12 | 68 |
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด | 131 | 143 | 191 | 243 | 310 | 348 | 360 | 334 | 288 | 245 | 200 | 147 | 2,940 |
แหล่งที่มา 1: BBC Weather[14] | |||||||||||||
แหล่งที่มา 2: Danish Meteorological Institute (sun and relative humidity)[15] |
อ้างอิง
[แก้]- สาคร ช่วยประสิทธิ์. เบรุต ใน สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่: เอเชีย เล่ม 1 อักษร A-B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กทม.ราชบัณฑิตยสถาน. 2539. หน้า 416 – 419
- ↑ Cooke, Rachel (22 November 2006). "Paris of the east? More like Athens on speed". The Guardian.
- ↑ UNdata | record view | City population by sex, city and city type. Data.un.org (23 July 2012). Retrieved on 18 December 2012.
- ↑ "Questions & Answers: Water Supply Augmentation Project, Lebanon". The World Bank. 30 September 2014. Retrieved 20 March 2016.
- ↑ Reconstruction of Beirut เก็บถาวร 2009-01-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Macalester College
- ↑ Lebanon's Reconstruction: A Work in Progress , VOA News
- ↑ Beirut: Between Memory And Desire., Worldview
- ↑ "GAWC World Cities – The World's Most Important Cities". Diserio.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 February 2010. สืบค้นเมื่อ 26 March 2013.
- ↑ History of Lebanon (The Cedar Revolution), LGIC. Retrieved 19 November 2007.
- ↑ Watch – The Cedar Revolution, The Winds of Change. Retrieved 19 November 2007.
- ↑ 'Record' protest held in Beirut, BBC News
- ↑ From Hopeful To Helpless At a Protest In Lebanon, Washingtonpost.com
- ↑ Hariri sister calls for justice, CNN International
- ↑ On This Day – 26 April, BBC.co.uk
- ↑ "Average Conditions: Beirut Internation Airport". BBC. สืบค้นเมื่อ March 2, 2013.
- ↑ Cappelen, John; Jensen, Jens. "Libanon - Beyrouth" (PDF). Climate Data for Selected Stations (1931-1960) (ภาษาเดนมาร์ก). Danish Meteorological Institute. p. 167. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-04-27. สืบค้นเมื่อ March 2, 2013.